หน้าหลัก | เกี่ยวกับเรา | ถาม-ตอบ | ผลิตภัณฑ์ | วิธีสั่งซื้อ | ติดต่อเรา |
ปราชญ์ชาวบ้าน
ความเป็นมาของ จุลินทรีย์ SM
ผมได้รับแรงบันดาลใจหลังจากอ่านหนังสือ เกษตรธรรมชาติประยุกต์ ของ ดร. อานัฐ ตันโช เมื่อปี พ.ศ. 2549 ผมสนใจเรื่องเกษตรอินทรีย์ อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องจุลินทรีย์ธรรมชาติกับการเกษตร จึงได้ทำการศึกษา ทดลองและ ค้นคว้า หาจุลินทรีย์ต่างๆจากธรรมชาติที่มีประโยขน์ทางการเกษตร แล้วนำมารวมกลุ่มกัน ผมเรียกชื่อว่า จุลินทรีย์SM แล้วนำมาทดลองใช้งานโดยเริ่มแรกผมนำมาทดลองทำน้ำหมักปลา ปรากฏว่า จุลินทรีย์SM สามารถย่อยสลายปลาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 7 วันเท่านั้น ปลาก็ถูกย่อยจนหมดไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกก้างปลา เป็นของเหลวทั้งหมด สามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยน้ำได้ หลังจากนั้นผมก็นำจุลินทรีย์SM ไปทดลองทำปุ๋ยหมักผง โดยมีวัตถุดิบหลักเป็นขุยมะพร้าวและมูลไก่ ผมสามารถหมักปุ๋ยเสร็จสมบูรณ์ได้ภายใน 7 วัน และนำปุ๋ยหมักที่ทำได้ส่งไปวิเคราะห์ที่ กลุ่มวิจัยเคมีเกษตร สำนักวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ที่มหาวิทยาลัยเกษตร บางเขน ผลปรากฏว่าปุ๋ยที่ผมหมักด้วยจุลินทรีย์SM มีผลวิเคราะห์ผ่านคุณสมบัติปุ๋ยอินทรีย์มาตรฐานที่สามารถขึ้นทะเบียนปุ๋ยได้ทุกข้อ โดยเฉพาะข้อ การย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ มากกว่า 80 % ( ค่า GI ) ผลที่ได้สูงถึง 120 %
ผมจึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจุลินทรีย์SM เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายอินทรียวัตถุทั้งในน้ำและในอากาศ อย่างแท้จริง ในเวลาต่อมา ผมก็ทดลองนำจุลินทรีย์ SM ไปใช้ประโยชน์ในการเกษตรด้านต่างๆจนประสพผลสำเร็จอีก เช่น การย่อยสลายตอซังข้าวในแปลงนา การแก้ปัญหาข้าวดีดโดยการย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ การปรับปรุงดินโดยการเติมจุลินทรีย์ลงไปเหมือนเป็นปุ๋ยชีวภาพ การแก้ปัญหาดินเป็นกรด แก้ปัญหาเรื่องเชื้อโรคพืช เช่นโรครากเน่า โคนเน่าที่เกิดจากเชื้อราในสภาพที่ดินเป็นกรดสูง เป็นต้น แม้กระทั้งการบำบัดน้ำเสีย บำบัดของเสีย โดยอาศัยคุณสมบัติในการย่อยสลายของจุลินทรีย์ อีกทั้งการผลิตไบโอแก๊สเพื่อผลิตกระแลไฟฟ้าก็สามารถใช้จุลินทรีย์SMได้ด้วย ในปี2550 เป็นต้นมาผมก็รับงานเป็นที่ปรึกษาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้า การทำปุ๋ยอินทรีย์มาตรฐานกรมวิชาการเกษตร การขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ ตัวอย่างเช่น ปุ๋ยอินทรีย์ตราม้าคู่ เป็นต้น
ในปีเดียวกันนั้นผมก็ได้มาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายปุ๋ยอินทรีย์ของ CLEAN FARM จังหวัดสระบุรี (ฟาร์มปลูกผักอินทรีย์ซึ่งในปัจจุบันเป็นฟาร์มปลูกผักปลอดภัยอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยการปลูกด้วยดินบนแคร่ในโรงเรือน ) ในขณะที่เข้าไปนั้นฟาร์มมีปัญหาอย่างมาก เหมือนเป็นการลองผิดลองถูกมาตลอด ปัญหามีดังนี้ครับ
1.ดินปลูกผักเป็นดินเหนียว เพราะเจ้าของขุดบ่อน้ำ แล้วเอาดินจากบ่อมาปรับที่ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่นา จึงไม่ เหมาะแก่การปลูกผัก เวลาดินแห้งดินก็แข็งเป็นก้อน เวลาดินเปียกน้ำก็ไม่ระบายน้ำ เจ้าของแก้ปัญหาโดยนำแกลบดิบ แกลบดำและขุยมะพร้าวมาใส่ หมดเงินไปเยอะมากก็ไม่ได้ผล
2. ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยคอก เช่นปุ๋ยขี้วัว ผลที่ตามมาหญ้าขึ้นเต็มแปลง ปุ๋ยขี้ไก่ยิ่งหนักไปอีก ผักตายหมด เป็นโรครากเน่า โคนเน่าจากเชื้อราที่มาจากขี้ไก่
3.วัสดุเพาะกล้า ก็มีปัญหา เพาะกล้าไม่ค่อยขึ้น สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์
เมื่อผมเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ผมได้ดำเนินจัดการปัญหาต่างๆโดยการนำเทคโนโลยี่ทางชีวภาพเข้าไปแก้ปัญหา โดยใช้จุลินทรีย์SM นั่นเอง
ผมจัดการดังนี้ครับ
1.ทำปุ๋ยหมักผงด้วยจุลินทรีย์ SM ซึ่งเป็นปุ๋ยมาตรฐานใช้ทั้งฟาร์ม
2.ทำปุ๋ยน้ำหมักปลาด้วยจุลินทรีย์SM ไว้ใช้กับผัก ซึ่งต้นทุนถูกมาก
3.ทำดินปลูกพืชเสียใหม่ โดยใช้ดินร่วนปนทรายผสมกับปุ๋ยหมักSM และวัสดุอินทรีย์อื่นๆ
แล้วใส่เป็นหน้าดินบนแปลงปลูกสูงประมาณ 30 ซ.ม.
4.ทำวัสดุเพาะกล้าใหม่โดยใช้จุลินทรีย์ SM
ผมทำแค่ 4 อย่างนี้ก็สามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ให้กับ CLEAN FARMได้ แล้ว จนในปัจจุบันเป็นฟาร์มปลูกผักปลอดภัยอันดับหนึ่งของประเทศไทยได้
ผมจึงมั่นใจอย่างมากว่าการใช้เทคโนโลยี่ทางชีวภาพ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์SM จะสามารถช่วยให้การทำเกษตรอินทรีย์เป็นผลสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
โดยการจัดการปัจจัยพื้นฐานทางการเกษตรเรื่อง ดินและ ปุ๋ย ให้ถูกต้องเหมาะสมได้ ก็จะเป็นการเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ที่จะบรรลุผลสำเร็จได้อย่างง่ายดายและยั่งยืนแน่นอนครับ ศึกษา เรียนรู้ให้กระจ่างแล้วลงมือทำอย่างจริงจังก็จะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยากครับ
โดย
อานนท์